กรุณารอสักครู่่
ติดต่อสอบถาม โทร.1491 หรือ 02-908-8888
Advice IT Infinite Public Company Limited

วิธีเลือกจอคอมพิวเตอร์ให้ตอบโจทย์การใช้งาน?

 
วิธีเลือกจอคอมพิวเตอร์
 
จอคอมพิวเตอร์หรือ Monitor เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่มีวาระในการใช้งานค่อนข้างนาน แม้จะมีการประกอบหรือเปลี่ยนสเปคภายในคอมพิวเตอร์หลายๆครั้ง แต่จอก็ยังคงสามารถใช้งานจอเดิมได้ เอาล่ะเราจะมาลงลึกกันว่า เจ้าจอคอมเนี่ยมันมีอะไรหลักบ้างที่ต้องดูและเหมาะใช้งานแบบไหนบ้าง ไม่ว่าจะเล่นเกม ทำงานกราฟฟิค ตัดต่อ หรือ ดูหนัง เลือกทีเดียวใช้กันไปยาวๆเลย
 
เรื่องหลักเลยคือ Panel ของจอคอมพิวเตอร์ นั้นแบ่งออกเป็น 3 แบบและเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องรู้ไว้ก่อนเลือกซื้อจอคอมพิวเตอร์ จะมีอะไรบ้างมาดูกัน
 

1. จอคอม Panel แบบ Twisted Nematic (TN)

เป็นจอแสดงผลที่มีราคาไม่แพงและง่ายต่อการผลิต แต่ถ้าพูดถึงคนที่ต้องการ ภาพและสีที่มีคุณภาพจะไม่ถือว่าเด่นสักเท่าไหร่ เรียกว่าอยู่ในระดับกลางๆ อีกทั้งจอภาพแบบนี้ยังมีมุมมองที่แคบที่สุดอีกด้วย ถ้าเรามองด้านบนจะทำให้จอเห็นลางๆ มองจากด้านข้างสีอาจจะเลื่อนหรือเปลี่ยนไป มองจากข้างล่างมักจะมืด สาเหตุเกิดมาจากเทคโนโลยีของ TN นั้นมีการบิดของแสงผ่านตัวกรองหลายชั้นทำให้แสงที่ออกมานั้นชัดเจนแค่หน้าตรงด้านเดียว แต่จุดเด่นที่จอ TN ทำได้ดีมากๆ นั่นคือ Respond Time นั่นเอง โดยส่วนมากจอภาพประเภท TN จะพบเห็นได้ตามจอเล่นเกมที่มี Refresh rate สูงๆ และเป็นจอตัวเลือกแรกๆของเกมเมอร์เลยก็ว่าได้ และยังสบายตาอีกด้วย
 
 
จอคอม Panel แบบ Twisted Nematic  (TN)

 

2. จอคอม Panel แบบ Vertical Alignment (VA)

คือจอภาพที่มีการเรียงเม็ดพิกเซลแบบเป็นแท่นตรงเรียงต่อกัน โดยถ้าพูดถึงคุณภาพสีจะถือได้ว่าจอ VA นั้นทำได้ดีกว่า TN แต่ยังคงด้อยกว่า IPS อยู่ดี ถ้าพูดถึงมุมมองด้านบนด้านข้างด้านล่างยังมีการเปลี่ยนแปลงของสีบ้าง ทำให้สีเพี้ยน  แต่ยังถือว่ากว้างกว่าของ TN อยู่ แต่ข้อดีของจอประเภทนี้คือ มี Contrast นั้นดีที่สุดที่ทำให้สีดำนี่เรียกว่าดำสนิทเลย โดยปกติ Contrast  ratio ของจอ TN และ IPS อยู่ราวๆ 1000: 1 แต่ จอ VA รุ่นล่าง จะอยู่ราวๆ 2000 : 1 ซึ่งเหมาะมากกับการดูหนังที่สุด โดยภาพรวมแล้วเรียกว่าอยู่ระหว่างกลางของ TN และ IPS นั่นเอง
 
จอคอม Panel แบบ Vertical Alignment (VA) 
 
 

3. จอคอม Panel แบบ IN-Plane Switching (IPS)

มีโครงสร้างเรียกพิกเซลเป็นรูปทรงบั้งวางเรียงกัน ทำให้มีมุมมองรับชมที่กว้างมองจากมุมไหนก็ตามสีไม่เพี้ยน โดยมีมุมมองอยู่ที่ 178/178 องศา อีกทั้งเป็นจอแข็ง เอานิ้วลูบไม่เกิดลายน้ำแต่ถ้าเทียบในรายละเอียดในที่มืดและการคุม Contrast ยังเป็นรอง จอ Panel แบบ VA โดยส่วนมากจอภาพแบบนี้จะเป็นที่นิยมสำหรับงานกราฟฟิค อินทีเรียที่ต้องการความละเอียดของสีที่ค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจุบันก็มีการพัฒนาให้จอ IPS ออกมาให้เล่นเกมได้ มีค่า Respond Time และ Refesh Rate ที่ดีมากขึ้นจนเป็นจอที่ทำได้ครบทุกอย่างจริงๆ
 
 
จอคอม Panel แบบ IN-Plane Switching (IPS)
 

ขอบเขตสีที่จำเป็นไหม?

ขอบเขตสีจอคอมพิวเตอร์

 
สำหรับสเปคที่ดูได้ยากที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องขอบเขตสีที่มีหลายมาตรฐานมากๆ และแต่ละจอหรือโน๊ตบุ๊คแต่ละตัวก็ดูจะชูจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป
 

• sRGB

เป็นค่าขอบเขตสีที่นิยมที่สุดในโลก เกิดจากการพัฒนาร่วมกันของ Microsoft และ HP นิยมใช้ในอุตหากรรมสิ่งพิมพ์ดิจิทัล หรืองานที่พวกเราเหล่า Creator สายกราฟิกทำกันอยู่เป็นปกตินั่นเอง โดยจะมีการคิดค่าออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น 99% sRGB แปลว่าจอนั้นสามารถแสดงค่าสี sRGB ได้เกือบทั้งหมดนั่นเอง
 

• DCI-P3

หรือ P3 เป็นมาตรฐานสีของการผลิตภาพยนตร์ดิจิทัลในอุตสาหกรรมของอเมริกา ซึ่งจะมีความกว้างของสีมากกว่า sRGB เล็กน้อย โดยเรามักจะเห็นค่าสีออกมาเป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกัน เช่น 95% P3 หรือเรียกจอแบบ P3 ไปเลยใน Macbook Pro รุ่นใหม่ๆ
 

• Adobe RGB (1998)

เป็นมาตรฐานสีที่ทาง Adobe คิดค้นขึ้นมาเพื่อเน้นใช้ในงานสิ่งพิมพ์ เนื่องจากมาตรฐานอื่นอาจยังมีสีที่ครอบคลุมไม่เพียงพอเมื่อต้องใช้ในการพิมพ์จริงๆ โดยจะเป็นมาตรฐานที่มักจะมากับจอที่มีราคาค่อนข้างสูงเท่านั้น
 

• NTSC

หรือมาตรฐานสีโดย The National Television System Committee ซึ่งมีสเปคที่สูงมากๆ ทำให้โดยส่วนใหญ่แล้วจอคอมพิวเตอร์จะมีการคิดค่าเปอร์เซนต์ของ NTSC ออกมาไม่เยอะ ตัวอย่างก็คือ 72% NTSC ซึ่งจะมีค่าสีใกล้เคียงกับ 100% sRGB นั่นเอง
 

Resolution ความละเอียดสูงย่อมได้ภาพที่ดีกว่า

Resolution หรือความละเอียดของหน้าจอ สิ่งสำคัญประการแรกของการเลือกซื้อจอคอมพิวเตอร์ ความละเอียดหน้าจอมักจะมีหน่วยเป็น pixel ยิ่ง pixel ในแต่ละตารางนิ้วมีมากเท่าไหร่ภาพก็จะยิ่งสมจริงและลื่นไหลมากขึ้นเท่านั้น ความละเอียดบางอย่างมีหลายชื่อ ด้านล่างนี้คือรูปตัวอย่างความละเอียดของจอภาพโดยทั่วไป ตั้งแต่ความละเอียดมากที่สุด (จำนวน pixel สูงสุด) ไปจนถึงความละเอียดน้อยที่สุด (จำนวน pixel น้อยสุด) และที่สำคัญ "ความละเอียดและขนาดนั้นคงจะต้องดูจากโต๊ะของเราเป็นหลัก ว่าเหมาะกับการวางจอใหญ่เล็กแค่ไหน แล้วจึงไปดูความละเอียดที่เหมาะสมประกอบ (พร้อมราคา) ด้วย"
 
 
 
Resolution
ตัวอย่าง Resolution
 

Refesh Rate คืออะไรทำไมทำไมชาวเกมเมอร์ต้องเลือกสูงค่าสูง

Refesh Rate คือ จำนวนครั้งที่จอภาพของคุณอัปเดตข้อมูลใหม่ต่อวินาที มีหน่วยวัดเป็น เฮิรตซ์ (Hz) ยิ่งตัวเลขสูงเท่าไหร่ก็จะได้ภาพที่ลื่นไหลยิ่งกว่าไลปอนเอฟ เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการเล่นเกมที่มีการเปลี่ยนฉากรวมเร็ว หรือต้องการความเร็วในการเล่น เรียกได้ว่า Refesh Rate มีผลชี้เป็นชี้ตายได้เลยแหละในหมู่เกมเมอร์ระดับอาชีพ โดยหน้าจอที่เหมาะกับการเล่นเกมเริ่มที่ 75Hz ขึ้นไป
 
 Refesh Rate
 

Response times สูงต่ำต่างกันยังไง?

Response Time คือ ความเร็วในการตอบสนองของเม็ด pixel เมื่อเปลี่ยนจากสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่ง ซึ่งปกติจะวัดโดยการเปลี่ยนสีดำมาเป็นสีขาว แล้วก็เปลี่ยนจากสีขาวมาเป็นสีดำอีกครั้งนึง มีหน่วยเป็น ms (millisecond) มิลลิวินาที ยกตัวอย่างเช่น Monitor ที่ในสเปคเขียนว่า Response Time 4 ms นั้นหมายความว่าความเร็วในการเปลี่ยนเม็ด pixel ของรุ่นนี้อยู่ที่ 4 มิลลิวินาที (0.004 วินาที) ยื่งตัวเลขดังกล่าวต่ำก็จะทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของวัตถุที่มีการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วได้ไหลลื่น คมชัด ยิ่งขึ้น
 
 
เท่านี้ก็สามารถรู้แล้วว่าการจะซื้อจอคอมพิวเตอร์นั้นต้องคำนึงถึงอะไรบ้างและตรงกับการใช้งานจริงๆของเราหรือไม่และที่ขาดไม่ได้อย่าลืมเช็คประกันและบริการหลังการขายกันด้วยนะครับ โดยสามารถเลือกช้อปได้ที่ www.advice.co.th หรือไปลองเลือกด้วยตัวเองได้ที่สาขาทั่วประเทศ เช็คสาขาใกล้บ้าน คลิก