กรุณารอสักครู่่
ติดต่อสอบถาม โทร.1491 หรือ 02-908-8888
Advice IT Infinite Public Company Limited

คสช. ออกคำสั่งให้ กสทช. เลื่อนประมูลคลื่นความถี่ออกไปอีก 1 ปี

move-4gคราวนี้โครงการประมูล 4G ต้องรอคอยกันต่อไปอีก 1 ปี เมื่อ ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช. ได้ออกคำสั่งฉบับที่ 94 ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2557  โดยเนื้อหาคำสั่งให้ชะลอการประมูล ทั้งคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz ที่เคยมีแผนจะประมูลในปีนี้ ให้เลื่อนการประมูลไปอีก 1 ปี นับตั้งแต่วันที่มีคำสั่งนี้ส่วนเรื่องมาตรการคุ้มครองชั่วคราวคลื่น 1800 MHz ที่จะหมดมาตรการในช่วงเดือนกันยายนนั้น ก็เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยสรุปคือไม่มีกำหนดการยกเลิกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว และซิมยังไม่ดับจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

และ คสช. สั่งให้ กสทช. ให้ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายออกกฎ ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้อง หรือแก้ไขปรับปรุง หรือยกเลิกกฎ ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการดำเนินการให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และสามารถตรวจสอบได้ และสอดคล้องกับแนวนโยบายการใช้จ่ายเงินงบประมาณของรัฐ โดยคำนึงถึงความมั่นคงของรัฐและประโยชน์สาธารณะ

ข้อมูลจาก กรมประชาสัมพันธ์

———————————–

รายละเอียดคำสั่ง คสช. 

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ฉบับที่ 94/2557

เรื่อง  การระงับการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม

เพื่อให้การดำเนินการของ กสทช.ในการประมูลคลื่นความถี่เพื่อกิจกรรมโทรคมนาคมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นไปอย่างรอบคอบเพื่อคุ้มครองผู้ใช้บริการให้ได้รับประโยชน์และใช้บริการได้อย่างต่อเนื่องปราศจากข้อจำกัดในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านการสิ้นสุดการสัมปทานและคุ้มครองประโยชน์สาธารณะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้ กสทช.ชะลอการดำเนินการเกี่ยวกับการประมูลคลื่นความถี่ เพื่อกิจการโทรคมนาคมออกไปเป็นระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่มีคำสั่งนี้

ในระหว่างชะลอการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ กสทช.คุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราว ในกรณีสิ้นสุดการอนุญาติหรือสัมปทานให้ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์และใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ปราศจากข้อจำกัดโดยให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวในกรณีสิ้นสุดการอนุญาต สัมปทานหรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ.2556

ข้อ 2 ให้ กสทช.ดำเนินการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ออกกฎ ระเบียบประกาศหรือคำสั่งที่เกี่ยวข้อง หรือแก้ไขปรับปรุงหรือยกเลิกกฎ ระเบียบ ประกาศหรือคำสั่งที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการดำเนินการให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรมและสามารถตรวจสอบได้อันจะทำให้การดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผลสูงสุดและสอดคล้องกับแนวนโยบายการใช้จ่ายเงินงบประมาณของรัฐโดยคำนึงถึงความมั่นคงของรัฐและประโยชน์สาธารณะ

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ 17 กรกฎาคม พุทธศักราช 2557

 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

—————————————

ประธาน กทค. แถลง คสช.มาถูกทางแล้ว

และหลังจากที่ คสช. มีคำสั่งดังกล่าวออกมา พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.)  ได้แถลงต่อเรื่องคำสั่ง (คสช.) ฉบับที่ 94/2557 นี้ ว่า เจตนารมณ์ของคำสั่ง คสช. ฉบับนี้ เนื่องจากพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มีจุดอ่อนและอุปสรรค รวมทั้งไม่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในประเทศไทย และทำให้ผู้ปฏิบัติงานตาม พ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้มีความยุ่งยาก และเกิดอุปสรรค

โดยเฉพาะการจัดสรรคลื่นความถี่ ตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้ ในมาตรา 45 ที่ว่า ผู้ใดประสงค์จะใช้คลื่นความถี่เพื่อกิจการโทรคมนาคมต้องได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งต้องดำเนินการโดยวิธีการประมูลคลื่นความถี่…..” ทำให้เกิดข้อจำกัดในการจัดสรรคลื่นความถี่ที่จะสามารถใช้วิธีการประมูลคลื่นความถี่ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งการจัดสรรคลื่นความถี่ด้วยวิธีการประมูลคลื่นความถี่นั้นอาจไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมและเป็นวิธีที่ดีที่สุดเสมอไปในบางกรณี อีกทั้งยังพบว่ามีปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้นบางประการ ส่งผลให้กิจการในภาคอุตสาหกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคลื่นความถี่ต้องเข้าประมูลไปด้วย อาจทำให้เกิดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และพบว่าเป็นการจัดสรรคลื่นความถี่ไม่สอดคล้องกับแนวโน้มอุตสาหกรรมโลก

ประธาน กทค. มีความเห็นว่า คสช. มาถูกทางที่ให้มีการปฏิรูปกฎหมายโทรคมนาคมก่อน โดยเฉพาะในส่วนของการจัดสรรคลื่นความถี่ ก่อนที่จะขับเคลื่อนในส่วนอื่นๆต่อไป อีกทั้งในคำสั่ง คสช. ยังมีการนำประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวในกรณีสิ้นสุดการอนุญาตสัมปทานฯ หรือประกาศห้ามซิมดับ มาใช้คุ้มครองผู้บริโภค จึงชัดเจนแล้วว่าประกาศห้ามซิมดับของ กสทช. มีประสิทธิภาพ และมีประโยชน์ต่อประชาชนและสาธารณะอย่างแท้จริง เนื่องจากทำให้ประชาชนสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง  ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าการดำเนินการของ กทค. เป็นไปด้วยความถูกต้อง และถูกทางแล้ว และยังได้ปฏิเสธกระแสข่าวลือที่ว่า กสทช. จะคืนคลื่นความถี่ให้แก่ CAT และ TOT เป็นเวลา 15 ปี ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

นอกจากนี้นี้ยังได้แถลงถึงผลการดำเนินการของ กสทช. ในส่วนของ กทค. ในช่วงปีที่ผ่านมาว่าผลการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz และการดำเนินโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง และบริการเพื่อสังคม หรือ USO ซึ่งได้ทำโครงการขยายโครงข่ายบริการโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ตอย่างทั่วถึง ใน 2 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก และหนองคาย และจะดำเนินการในจังหวัดที่เหลือต่อไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการจัดให้มีโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ภายในระยะเวลา 5 ปี ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโทรคมนาคมและสารสนเทศอย่างทั่วถึง ซึ่งผลงานเหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นตามไปด้วย ภายหลังจากการให้บริการเครือข่าย 3G บนความถี่ย่าน 2.1 GHz เพียงไม่นานพบว่าผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตได้มีการขยายโครงข่ายออกไปในหลายพื้นที่มากขึ้น จำนวนผู้ใช้บริการบนเครือข่าย 2.1 GHz มีจำนวนทั้งสิ้น 43.7 ล้านเลขหมาย เป็นผู้ใช้บริการรายใหม่ถึง 25.6 ล้านเลขหมาย จากจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งสิ้นประมาณ 94 ล้านเลขหมาย(ข้อมูล ณ มีนาคม 2557) และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจไทยพาณิชย์, ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), ธนาคารแห่งประเทศไทย และ Frost & Sullivan ได้วิเคราะห์ถึงมูลค่าเพิ่มของธุรกิจโทรคมนาคมและเศรษฐกิจไทย  จากการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่บนความถี่ย่าน 2.1 GHz ในช่วงปีที่ผ่านมา โดย

  • ผลทางตรง
    • รายได้จากการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz นำส่งเป็นค่าทรัพยากรสาธารณะให้แก่กระทรวงการคลัง และถือเป็นรายได้เข้าประเทศ  4.1 หมื่นล้านบาทต่อปี
    • ค่าธรรมเนียมในการกำกับดูแล (regulatory fees) ของผู้ประกอบการบนคลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz  3 พันล้านบาทต่อปี
  • ผลทางอ้อม
    • การลงทุนรวมในอุปกรณ์โครงข่าย เช่น core network และสายเคเบิลในช่วง 3-5 ปี แรกภายหลังการประมูล  6-7 หมื่นล้านบาทต่อปี
    • มูลค่าตลาดสมาร์ทโฟนในปี 2014 ซึ่งเติบโตร้อยละ 30 ต่อปี จากช่วงก่อนการประมูล 3G  6 หมื่นล้านบาท
    • มูลค่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปี 2014 ซึ่งเติบโต 26% จากปีก่อนหน้า  1.5 หมื่นล้านบาท
    • มูลค่าการทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ Mobile Banking ในปี 2556 ที่ผ่านมา เช่น การโอนเงิน และการชำระค่าบริการต่างๆ  7 แสนล้านบาท
    • มูลค่าตลาดของ Internet Data Center ในปี 2014 ซึ่งเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% เมื่อเทียบจากปี 2012 ด้วยดีมานด์จากลูกค้าองค์กรเมื่อการดึงข้อมูลทำได้เร็วขึ้นจาก 3G  2 พันล้านบาท
    • เม็ดเงินโฆษณาผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย ซึ่งดึงดูดให้เกิดการสร้างแอพพลิเคชั่นและคอนเทนต์บนมือถือในรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น  1 พันล้านบาท
    • ในปี 2014 กลุ่มธุรกิจต่างๆ จะมีการใช้สื่อดิจิตัลในการโฆษณามากขึ้น โดยมีมูลค่าประมาณ เพิ่มจากปี 2013 ประมาณร้อยละ 38  5.8 พันล้านบาท

นอกจากการเติบโตทางภาคธุรกิจดังกล่าวข้างต้น ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจกระทบต่อเนื่องกันไป ดังนั้นการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่แสดงจากอัตราการเข้าถึงบริการของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ถือเป็นตัวแปรสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ในอนาคต ดังนั้นจะเห็นได้ว่ากิจการโทรคมนาคม สามารถผลักดัน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้ในหลายทิศทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่จะกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของคนยุคใหม่ นอกจากนี้ การเติบโตดังกล่าวยังช่วยส่งเสริมและพัฒนาแนวทางการศึกษาพื้นฐานของประเทศ ช่วยลดช่องว่างทางสังคม โดยโครงการ USO ที่แล้วเสร็จใน 2 จังหวัด จะช่วยเพิ่มอัตราการเข้าถึงบรอดแบนด์ในพื้นที่ห่างไกล และผู้ด้อยโอกาสในสังคม เพื่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ โดยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะช่วยผลักดันการเรียนรู้ให้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาในสังคม อันจะส่งผลถึงโครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษาของประเทศไทยด้วย

มาตรการป้องกันซิมดับ

ส่วนเรื่องการป้องกันซิมดับนั้น นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า   สำหรับกรณีของคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่สิ้นสุดสัญญาสัมปทานไปแล้ว และกำลังจะสิ้นสุดระยะเวลาคุ้มครองผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนคลื่นความถี่ 1800 MHz ของบริษัท ทรูมูฟ จำกัด และบริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด ในวันที่ 15 กันยายน 2557 นี้ ตามคำสั่งดังกล่าว ทำให้ระยะเวลาคุ้มครองฯ ขยายออกไปจนกว่าจะมีการดำเนินการจัดสรรคลื่นความถี่แล้วเสร็จ ดังนั้น ประชาชนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่คลื่นความถี่ 1800 MHz มั่นใจได้ว่าจะสามารถใช้บริการโทรศัพท์ได้อย่างต่อเนื่อง ซิมไม่ดับแน่นอน ประชาชนไม่จำเป็นต้องรีบย้ายค่าย

ทั้งนี้ กสทช. จะรีบดำเนินการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม ออกกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้อง หรือปรับปรุง หรือยกเลิก กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 มาตรา 45 และกฎหมายอื่นที่เป็นอุปสรรคให้มีความชัดเจน เพื่อรองรับการดำเนินการให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และสามารถตรวจสอบได้ เพื่อให้การดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผลสูงสุด และสอดคล้องกับแนวนโยบายการใช้จ่ายเงินงบประมาณของรัฐ โดยคำนึงถึงความมั่นคงของรัฐและประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ

ที่มา:it24hrs.com